“ศาลเจ้ากะทู้” ศาลเจ้าเก่าแก่ที่สุดในภูเก็ต ประกอบพิธีแห่พระรอบเมือง มีประชาชนและนักท่องเที่ยวให้ความสนใจร่วมชมคึกคัก ขณะที่เมื่อคืนที่ผ่านมาศาลเจ้าบางเหนียวได้จัดให้มีพิธีขึ้นบันไดมีด ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนและนักท่องเที่ยวจำนวนมาก
วันที่ 4 ต.ค.54 ศาลเจ้าหล่ายถู่ต่าวโบ้เก้ง หรือศาลเจ้ากะทู้ อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นศาลเจ้าที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในภูเก็ต และเป็นศาลเจ้าแรกที่จัดให้มีพิธีถือศีลกินผักขึ้น ได้ประกอบพิธีอิ้วเก้ง หรือพิธีแห่พระรอบเมือง โดยมีม้าทรงชาย หญิง และเด็ก เข้าร่วมพิธีจำนวนมาก
ม้าทรงที่เข้าร่วมขบวนแห่ยังคงใช้อาวุธนอกตำนานทิ่มแทงร่างกาย เพื่อรับเคราะห์แทนประชาชนที่เข้าร่วมประเพณีถือศีลกินผัก โดยอาวุธที่ใช้ยังคงมีความหลากหลายทั้งเหล็กแหลมยาวเสียบกระพุ้งแก้ม ขวาน ร่มกันฝน เครื่องบินบังคับ เทียนแทงลิ้น สว่านไฟฟ้า ปืน และอื่นๆ อีกจำนวนมาก โดยในวันนี้มีม้าทรงที่พระเพิ่มจับเข้าร่วมขบวนแห่จำนวนมาก
สำหรับขบวนแห่พระของศาลเจ้าหล่ายถู่ต่าวโบ้เก้ง หรือศาลเจ้ากะทู้ ในวันนี้ยังคงมีประชาชนนักท่องเที่ยวให้ความสนใจเข้าร่วมชมเป็นจำนวนมาก พร้อมจุดพระทัดรับขบวนแห่พระเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ถึงแม้จะมีฝนตกหนักในบางช่วงของขบวนแห่พระ โดยขบวนแห่พระของศาลเจ้ากะทู้เริ่มต้นที่บริเวณหน้าห้างแม็คโคร อ.กะทู้ และเคลื่อนขบวนผ่านมาทางถนนเข้าตัวเมืองภูเก็ต เพื่อไปยังบริเวณปลายแหล่มสะพานหิน ก่อนที่จะเดินทางกลับศาลเจ้ากะทู้อีกครั้งซึ่งใช้เวลาในการเคลื่อนขบวน นานกว่า 5 ชั่วโมง
งานประเพณีถือศีลกินผัก หรือประเพณี “เจี๊ยะฉ่าย” ในจังหวัดภูเก็ตนั้นเริ่มมาตั้งแต่ปี 2368 ที่บ้านในทู้ หรือ บ้านกะทู้ ในปัจจุบัน อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการระบาดของไข้ป่าอยู่เป็นประจำ คณะงิ้วเร่ที่มาจากเมืองจีนได้ประกอบพิธีกินผักเพื่อบวงสรวงเทพเจ้าขึ้น หลังจากนั้นปรากฏว่า โรคภัยไข้เจ็บที่เกิดขึ้นเป็นประจำได้หายไป ทำให้เกิดความเลื่อมใสศรัทธา และสืบสานพิธีถือศีลกินผักต่อๆ กันมาจนถึงปัจจุบัน
ส่วนการแห่พระรอบเมืองในงานประเพณีถือศีลกินผักที่จังหวัดภูเก็ตใน วันพรุ่งนี้ (5 ต.ค.) จะเป็นวันสุดท้ายของการแห่พระรอบเมือง และเป็นวันสุดท้ายของงานประเพณีถือศีลกินผักของจังหวัดภูเก็ต โดยศาลเจ้าที่จัดให้มีพิธีแห่พระรอบเมืองในวันพรุ่งนี้ คือ ศาลเจ้าซุ่ยบุ่นต๋อง หรือศาลเจ้าหล่อโรง ส่วนในช่วงกลางคืนของวันที่ 5 ต.ค.จะจัดให้มีพิธีส่งพระอย่างยิ่งใหญ่โดยทุกปีจะมีประชาชนชาวจังหวัดภูเก็ต และนักท่องเที่ยวเข้าร่วมพร้อมจุดประทัดนับล้านนัดตลอดเส้นทางที่ขบวนส่งพระ ผ่าน
ขณะที่ที่ศาลเจ้าบางเหนียวเมื่อคืนที่ผ่านได้มีการประกอบพิธีขึ้น บันไดมีด ซึ่งเป็นการประกอบพิธีปีนขั้นบันไดมีดครั้งแรกในรอบ 3 ปี หลังจากที่ทางศาลเจ้าบางเหนียวได้หยุดพิธีการในส่วนดังกล่าวไป โดยมีประชาชนชาวภูเก็ต นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศรวมถึงผู้สื่อข่าวและช่างภาพ ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมประมาณ 1,000 กว่าคนเข้าร่วม
สำหรับบันไดมีดของศาลเจ้าบางเหนียว มีความสูงประมาณ 12 เมตร ขั้นบันไดทำด้วยเหล็กที่ตีจนแบบเป็นมีดแล้วลับให้คมกริบ นำไปวางเรียงเป็นขั้นบันไดโดยเอามีดด้านคมขึ้นเรียงเป็นขั้นบันได 72 ขั้น และด้านบนสุดของขั้นบันไดทำเหมือนกับหอคอยเพื่อให้พระที่ปีนบันไดขึ้นไปได้ หยุดพักก่อนที่จะปีนลงอีกด้านหนึ่งของขั้นบันได
อย่างไรก็ตาม ขณะปีนบันไดอยู่นั้น พระบางองค์ได้มีการขย่มเท้าที่ขั้นบันไดด้วย แต่ไม่มีการบาดเจ็บใดๆ เกิดขึ้น ทั้งนี้ พิธีการดังกล่าวถือเป็นการสะเดาะห์ให้แก่ผู้ที่มากินผัก ขณะที่เมื่อคืน ในส่วนของศาลเจ้าหลิมฮู้ไทซู (สามกอง) ศาลเจ้าส่ามอ๋องหู้ (เชิงทะเล) และศาลเจ้าซำไป่กอง (บางคู) ได้มีการประกอบพิธีขึ้นบันไดมีดเช่นเดียวกัน
วันที่ 4 ต.ค.54 ศาลเจ้าหล่ายถู่ต่าวโบ้เก้ง หรือศาลเจ้ากะทู้ อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นศาลเจ้าที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในภูเก็ต และเป็นศาลเจ้าแรกที่จัดให้มีพิธีถือศีลกินผักขึ้น ได้ประกอบพิธีอิ้วเก้ง หรือพิธีแห่พระรอบเมือง โดยมีม้าทรงชาย หญิง และเด็ก เข้าร่วมพิธีจำนวนมาก
ม้าทรงที่เข้าร่วมขบวนแห่ยังคงใช้อาวุธนอกตำนานทิ่มแทงร่างกาย เพื่อรับเคราะห์แทนประชาชนที่เข้าร่วมประเพณีถือศีลกินผัก โดยอาวุธที่ใช้ยังคงมีความหลากหลายทั้งเหล็กแหลมยาวเสียบกระพุ้งแก้ม ขวาน ร่มกันฝน เครื่องบินบังคับ เทียนแทงลิ้น สว่านไฟฟ้า ปืน และอื่นๆ อีกจำนวนมาก โดยในวันนี้มีม้าทรงที่พระเพิ่มจับเข้าร่วมขบวนแห่จำนวนมาก
สำหรับขบวนแห่พระของศาลเจ้าหล่ายถู่ต่าวโบ้เก้ง หรือศาลเจ้ากะทู้ ในวันนี้ยังคงมีประชาชนนักท่องเที่ยวให้ความสนใจเข้าร่วมชมเป็นจำนวนมาก พร้อมจุดพระทัดรับขบวนแห่พระเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ถึงแม้จะมีฝนตกหนักในบางช่วงของขบวนแห่พระ โดยขบวนแห่พระของศาลเจ้ากะทู้เริ่มต้นที่บริเวณหน้าห้างแม็คโคร อ.กะทู้ และเคลื่อนขบวนผ่านมาทางถนนเข้าตัวเมืองภูเก็ต เพื่อไปยังบริเวณปลายแหล่มสะพานหิน ก่อนที่จะเดินทางกลับศาลเจ้ากะทู้อีกครั้งซึ่งใช้เวลาในการเคลื่อนขบวน นานกว่า 5 ชั่วโมง
งานประเพณีถือศีลกินผัก หรือประเพณี “เจี๊ยะฉ่าย” ในจังหวัดภูเก็ตนั้นเริ่มมาตั้งแต่ปี 2368 ที่บ้านในทู้ หรือ บ้านกะทู้ ในปัจจุบัน อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการระบาดของไข้ป่าอยู่เป็นประจำ คณะงิ้วเร่ที่มาจากเมืองจีนได้ประกอบพิธีกินผักเพื่อบวงสรวงเทพเจ้าขึ้น หลังจากนั้นปรากฏว่า โรคภัยไข้เจ็บที่เกิดขึ้นเป็นประจำได้หายไป ทำให้เกิดความเลื่อมใสศรัทธา และสืบสานพิธีถือศีลกินผักต่อๆ กันมาจนถึงปัจจุบัน
ส่วนการแห่พระรอบเมืองในงานประเพณีถือศีลกินผักที่จังหวัดภูเก็ตใน วันพรุ่งนี้ (5 ต.ค.) จะเป็นวันสุดท้ายของการแห่พระรอบเมือง และเป็นวันสุดท้ายของงานประเพณีถือศีลกินผักของจังหวัดภูเก็ต โดยศาลเจ้าที่จัดให้มีพิธีแห่พระรอบเมืองในวันพรุ่งนี้ คือ ศาลเจ้าซุ่ยบุ่นต๋อง หรือศาลเจ้าหล่อโรง ส่วนในช่วงกลางคืนของวันที่ 5 ต.ค.จะจัดให้มีพิธีส่งพระอย่างยิ่งใหญ่โดยทุกปีจะมีประชาชนชาวจังหวัดภูเก็ต และนักท่องเที่ยวเข้าร่วมพร้อมจุดประทัดนับล้านนัดตลอดเส้นทางที่ขบวนส่งพระ ผ่าน
ขณะที่ที่ศาลเจ้าบางเหนียวเมื่อคืนที่ผ่านได้มีการประกอบพิธีขึ้น บันไดมีด ซึ่งเป็นการประกอบพิธีปีนขั้นบันไดมีดครั้งแรกในรอบ 3 ปี หลังจากที่ทางศาลเจ้าบางเหนียวได้หยุดพิธีการในส่วนดังกล่าวไป โดยมีประชาชนชาวภูเก็ต นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศรวมถึงผู้สื่อข่าวและช่างภาพ ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมประมาณ 1,000 กว่าคนเข้าร่วม
สำหรับบันไดมีดของศาลเจ้าบางเหนียว มีความสูงประมาณ 12 เมตร ขั้นบันไดทำด้วยเหล็กที่ตีจนแบบเป็นมีดแล้วลับให้คมกริบ นำไปวางเรียงเป็นขั้นบันไดโดยเอามีดด้านคมขึ้นเรียงเป็นขั้นบันได 72 ขั้น และด้านบนสุดของขั้นบันไดทำเหมือนกับหอคอยเพื่อให้พระที่ปีนบันไดขึ้นไปได้ หยุดพักก่อนที่จะปีนลงอีกด้านหนึ่งของขั้นบันได
อย่างไรก็ตาม ขณะปีนบันไดอยู่นั้น พระบางองค์ได้มีการขย่มเท้าที่ขั้นบันไดด้วย แต่ไม่มีการบาดเจ็บใดๆ เกิดขึ้น ทั้งนี้ พิธีการดังกล่าวถือเป็นการสะเดาะห์ให้แก่ผู้ที่มากินผัก ขณะที่เมื่อคืน ในส่วนของศาลเจ้าหลิมฮู้ไทซู (สามกอง) ศาลเจ้าส่ามอ๋องหู้ (เชิงทะเล) และศาลเจ้าซำไป่กอง (บางคู) ได้มีการประกอบพิธีขึ้นบันไดมีดเช่นเดียวกัน
ข้อมูลจาก...ผู้จัดการออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น