วันพฤหัสบดีที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2556

ภูเก็ตเตรียมเชื่อมความสัมพันธ์ด้านการท่องเที่ยวกับประเทศบาห์เรน



นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าฯ ภูเก็ต ต้อนรับ เชค อับดุลลา บินราชิด ผู้ว่าราชการเขตเซาเทิร์น ประเทศบาห์เรน เพื่อหารือเรื่องการท่องเที่ยว พร้อมเตรียมยกระดับกระชับความสัมพันธ์เป็นเมืองพี่เมืองน้อง
       
       เมื่อวันที่ 24 ก.ย.56 ที่ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต มิสเตอร์เชค อับดุลลา บิน ราชิด อัล คาลิฟา ผู้ว่าราชการเขต Southern Governorate ของบาห์เรน เข้าพบ นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เพื่อหารือเรื่องการท่องเที่ยว และขอเชื่อมความสัมพันธ์เป็นเมืองพี่เมืองน้องระหว่างกัน โดยมี น.ส.ศิริพร ตันติปัญญาเทพ หัวหน้าสำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราวจังหวัดภูเก็ต ร่วมให้การต้อนรับ
       
       น.ส.ศิริพร ตันติปัญญาเทพ หัวหน้าสำนักงานหนังสือเดินทางฯ กล่าวว่า ผู้ว่าราชการเขตเซาเทิร์น ของประเทศบาห์เรน ได้เดินทางมาร่วมประชุมกีฬา เอเชียนบีช เกมส์ ที่จังหวัดภูเก็ต ระหว่างวันที่ 22-24 กันยายน 2556 ในฐานะเป็นประธานสมาคมสหพันธ์กีฬาเพาะกายและสมรรถภาพทางกายแห่งเอเชีย เพื่อเตรียมการแข่งขัน Asian Beach Games ที่ภูเก็ตเป็นเจ้าภาพในเดือนพฤศจิกายน 2557
       
       อย่างไรก็ตาม ภายหลังการประชุม ทางผู้ว่าราชการเขตเซาเทิร์น ได้เดินทางมาเยี่ยมผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เพื่อหารือ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับการพัฒนาของจังหวัดภูเก็ตในฐานะเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญของโลก ซึ่งบาห์เรนอาจนำมาเป็นแบบอย่างสำหรับการพัฒนาเกาะ Hawar ซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของเขต Southern Governorate เป็นเกาะทางใต้สุดของบาห์เรน ยังมีความอุดมสมบูรณ์อยู่มาก แต่ยังไม่ได้มีการพัฒนา ที่สำคัญ ชาวบาห์เรนมีความชื่นชอบประเทศไทยมาก และมองความสำเร็จด้านการท่องเที่ยวของไทยเป็นแบบอย่างที่ดี นอกจากนี้ ยังมีการหารือแลกเปลี่ยนข้อมูล และประสบการณ์ ตลอดจนการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างเมืองสำคัญของทั้ง 2 ประเทศ
       
       ทั้งนี้ ทางผู้ว่าราชการเขตเซาเทิร์น ได้มอบหนังสือให้ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นข้อมูลด้านการท่องเที่ยวโดยเฉพาะ เกาะ Hawar มีโอกาส มีศักยภาพที่จะทำอะไรร่วมกันระหว่าง 2 จังหวัดนี้ ซึ่งจำนวนตัวเลขประชากรจังหวัดที่มี จำนวน 45,000 คน และประเทศบาห์เรน มีประชากร 1,200,000 คน ซึ่งถือว่าเป็นประเทศเล็กๆ แต่มีความสัมพันธ์ที่ดีเยี่ยมกับประเทศไทยมานาน โดยทางผู้ว่าราชการเขตเซาเทิร์นได้เชิญท่านผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตไปเยือนบาห์เรน อาจจะเป็นปีหน้าหลังการแข่งขันกีฬา เอเชียน บีช เกมส์ เพื่อจะได้มีการร่วมมือกันระหว่าง 2 จังหวัดในอนาคต


ข้อมูลจาก.. ASTV Manager ภาคใต้

วันจันทร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2556

รองผู้ว่าฯ ภูเก็ต แจงยังไม่ได้ตั้งชื่อสะพานใหม่คู่ขนานสะพานท้าวเทพกระษัตรี



รองผู้ว่าฯ ภูเก็ต แจงยังไม่ได้ตั้งชื่อสะพานใหม่คู่ขนานสะพานท้าวเทพกระษัตรี หลังมีการออกมาเคลื่อนไหวปิดป้ายแสดงข้อความ ทวงคืนสะพานท้าวศรีสุนทร จากสะพานสารสิน 2 คาดเป็นความเข้าใจผิดของแต่ละฝ่าย
      
       จากกรณีที่มีบุคคลติดแผ่นป้ายแสดงข้อความว่า พี่น้องชาวภูเก็ตทุกท่าน หากต้องการ สะพานท้าวศรีสุนทรกลับคืนจาก สะพานสารสิน 2” เชิญพบกันที่ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต วันอังคารที่ 17 กันยายน 2556 เวลา 13.30 น. (อย่าให้ใครมาลบหลู่เกียรติ และศักดิ์ศรีของบรรพชนของพวกเรา) โดยไม่มีใครทราบที่ไปที่มาของป้ายดังกล่าว และไม่มีการระบุองค์กรที่เชิญชวน
      
       ล่าสุด วันที่ 15 ก.ย.56 นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยเกี่ยวกับข้อความในแผ่นป้ายดังกล่าวว่า หลังจากที่ได้รับทราบว่ามีการนำแผ่นป้ายดังกล่าวไปปิดแสดงในเขตชุมชนต่างๆ ทางจังหวัดภูเก็ต ได้มีการสอบถามไปยังแขวงการทางภูเก็ตเกี่ยวกับชื่อของสะพานคู่ขนานกับสะพานท้าวเทพกระษัตรี ซึ่งเป็นสะพานที่สร้างทดแทนสะพานสารสินที่ปิดใช้งานไปแล้ว เนื่องจากความชำรุดทรุดโทรม ส่วนของสะพานที่สร้างขึ้นมาใหม่นั้นขณะนี้ได้เปิดใช้งานแล้ว โดยใช้เป็นสะพานขาออกจากเกาะภูเก็ต ซึ่งก็ได้รับการชี้แจงว่า ยังไม่มีการตั้งชื่ออย่างเป็นทางการ โดยจะต้องฟังความเห็นจากคนในพื้นที่ก่อน ดังนั้น เมื่อมีการเสนอให้ใช้ชื่อ สะพานท้าวศรีสุนทรเพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงคุณความดีของวีรสตรีไทยผู้กล้าของเมืองถลาง ทางแขวงการทางภูเก็ต ก็จะได้นำเสนอชื่อดังกล่าวไปยังส่วนกลาง เพื่อพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอน และเมื่อได้รับชื่ออย่างเป็นทางการแล้ว ก็จะทำการออกแบบทำป้ายชื่อไปติดตั้งที่สะพานต่อไป
      
       ขณะที่ นายสมัคร เลือดวงหัด ผู้อำนวยการแขวงการทางภูเก็ต กล่าวชี้แจงเกี่ยวกับชื่อของสะพานคู่ขนานสะพานท้าวเทพกระษัตรี ว่า นับตั้งแต่มีการก่อสร้าง และเปิดใช้งานสะพานใหม่ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2554 จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีการประกาศใช้ชื่ออย่างเป็นทางการ แต่ที่มีข่าวออกไปว่าจะมีการใช้ชื่อสะพานสารสิน 2 นั้น อาจจะเป็นความเข้าใจผิด หรือการสื่อสารที่ผิดพลาด เพราะชื่อดังกล่าวนั้นเป็นเพียงชื่อที่ใช้เพื่อความสะดวกในการทำสัญญาการก่อสร้างเพราะเป็นการสร้างทดแทนสะพานสารสินเดิม ส่วนชื่ออย่างเป็นทางการนั้นจะต้องรับฟังความเห็นจากคนภูเก็ต และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
      
       เดิมแขวงการทางฯ ก็มีแนวคิดที่จะให้สะพานใหม่ชื่อ สะพานท้าวศรีสุนทรอยู่แล้ว เพื่อเป็นสะพานคู่ขนานกับสะพานท้าวเทพกระษัตรี ซึ่งได้ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดใช้งานมาตั้งแต่ปี 2535 ดังนั้น เมื่อเป็นความต้องการของทุกภาคส่วนก็จะได้นำเรื่องเสนอไปยังกรมทางหลวงพิจารณาเพื่อประกาศใช้ชื่อ และติดตั้งป้ายที่สะพานต่อไป


ข้อมูลจาก.. ASTV Manager ภาคใต้

วันอังคารที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2556

กรมทางหลวงทุ่ม 9 ล้านบาท ศึกษาออกแบบทางแยกต่างระดับห้าแยกฉลอง



กรมทางหลวง ทุ่มงบประมาณ 9 ล้านบาท จ้างบริษัทที่ปรึกษาศึกษาสำรวจออกแบบทางแยกต่างระดับ ห้าแยกฉลองแก้ปัญหารถติด ใช้เวลา 360 วัน ดำเนินการ ทั้งศึกษา ออกแบบ รับฟังความคิดเห็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย วอนประชาชนร่วมเสนอแนะแนวทาง

วันที่ 10 ก.ย.56 ที่ห้องประชุมสำนักงานแขวงการทางภูเก็ต นายสมัคร เลือดวงหัด ผู้อำนวยการแขวงการทางภูเก็ต เป็นประธานประชุมประสานงานย่อยหน่วยงานครั้งที่ 1 โครงการสำรวจและออกแบบทางแยกต่างระดับจุดตัดทางหลวงหมายเลข 4021 ทับทางหลวง 4024 ทับถนน 4028 และทับถนนเทศบาลฉลอง หรือบริเวณห้าแยกฉลอง ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต โดยมี นายสานนท์ วงรค์สุรัติ ผู้ช่วยผู้จัดการสำรวจออกแบบทางแยกต่างระดับบริเวณห้าแยกฉลอง นายประเจียด อักษรธรรมกุล หัวหน้าสำนักงานจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ และภาคเอกชนเข้าร่วม
      
       นายสมัคร เลือดวงหัด ผู้อำนวยการแขวงการทางภูเก็ต กล่าวว่า ปัจจุบันการสัญจรบริเวณห้าแยกฉลอง มีความแออัด และมีปัญหาเรื่องของการจราจรเป็นอย่างมาก ทางกรมทางหลวง จึงได้อนุมัติงบประมาณจำนวน 9 ล้านบาท ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาจัดทำโครงการสำรวจและออกแบบทางแยกต่างระดับจุดตัดทางหลวงหมายเลข 4021 ทับ 4024 ทับ 4028 ทับถนนเทศบาล (ห้าแยกฉลอง) โดยมีการลงนามสัญญาว่าจ้างเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2556 และเริ่มปฏิบัติงานวันที่ 17 สิงหาคม 2556 สิ้นสุดสัญญาว่าจ้างวันที่ 12 สิงหาคม 2557 รวมระยะเวลาในการดำเนินการ 360 วัน เชื่อว่าถ้าการสำหรับออกแบบดำเนินการแล้วเสร็จทางกรมทางหลวงน่าจะบรรจุโครงการดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาเพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรในพื้นที่ดังกล่าว จึงอยากฝากให้ประชาชนในพื้นที่ให้ความสนใจ และความร่วมมือในการดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
      
       ขณะที่ นายสานนท์ วงรค์สุรัติ ผู้ช่วยผู้จัดการสำรวจออกแบบ ทางแยกต่างระดับจุดตัดทางหลวงหมายเลข 4021 ทับ 4024 ทับ 4028 ทับถนนเทศบาล (ห้าแยกฉลอง) กล่าวว่า ในการดำเนินโครงการนั้น มีบริษัทที่ร่วมกันทำงาน 3 บริษัทด้วยกัน ประกอบด้วย บริษัทนูแมพ จำกัด บริษัทเอพซิลอน จำกัด และบริษัทเอเชีย แค็ป แอนด์ คอนซัลแตนท์ จำกัด โดยเริ่มดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 17 ส.ค.56-วันที่ 12 ส.ค.57 ซึ่งลักษณะโครงการจะประกอบไปด้วย การวิเคราะห์ปริมาณจราจรบริเวณทางแยกและโครงข่าย สำรวจออกแบบทางแยกต่างระดับเพื่ออำนวยความสะดวกด้านจราจรให้มีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมทั้งคำนึกถึงความปลอดภัยแก่ผู้ใช้รถใช้ถนน ลดผลกระทบต่อชุมชนสิ่งแวดล้อม และวิธีการก่อสร้าง และนำเสนอรูปแบบ Stage Construction สำหรับรองรับปริมาณจราจรในอนาคต
      
       สำหรับการดำเนินการในขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการสำรวจปริมาณรถบริเวณห้าแยกฉลองเพื่อนำมาเป็นข้อมูลในการศึกษาออกแบบการแก้ไขปัญหาจราจร ซึ่งจากการสำรวจมาระยะหนึ่งพบว่าการใช้ถนนในบริเวณดังกล่าวพบมีปริมาณรถจำนวนมาก ในเส้นทางราไวย์มุ่งหน้าไปทางวัดฉลอง และจากถนนเจ้าฟ้าตะวันออก จากตัวเมืองมุ่งหน้าไปทางราไวย์ หลังจากนั้นจะต้องมีการศึกษาเรื่องของผลกระทบสิ่งแวดล้อม และการออกแบบโครงการซึ่งการออกแบบนั้นจะมีการนำเสนอรูปแบบในการดำเนินการ 7 รูปแบบ แต่จะมีการคัดเลือกให้เหลือ 3 รูปแบบเพื่อนำไปรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
      
       สำหรับรูปแบบทางเลือกเบื้องต้นของโครงการ ประกอบด้วย แนวทางเลือกที่ 1 เส้นทางจากถนนวิเศษ จากฝั่งราไวย์มุ่งหน้าไปทางถนนเจ้าฟ้าตะวันตกมุ่งหน้าไปทางวัดฉลอง ซึ่งแนวทางนี้จะสร้างเป็นทางลอด แนวทางเลือกที่ 2 เส้นทางถนนเจ้าฟ้าตะวันออก ออกจากเมืองมุงหน้าไปทางราไวย์ โดยแนวทางนี้จะสร้างเป็นทางลอด แนวทางเลือกที่ 3 เป็นการนำทางเลือกที่ 1 และที่ 2 มารวมกัน ทำเป็น 2 เส้นทาง จากถนนเจ้าฟ้าตะวันตกมุ่งหน้าราไวย์ และจากถนนเจ้าฟ้าตะวันออกจากตัวเมืองมุ่งหน้าไปทางราไวย์ โดยบริเวณเส้นทางที่ไปราไวย์นั้นจะทำเป็นทางลอด 2 ช่องจราจร
      
       แนวทางเลือกที่ 4 ดำเนินการแบบแนวทางที่ 3 แต่เปลี่ยนจากทางลอด มาเป็นสะพาน แนวทางเลือกที่ 5 แบบเดียวกับแนวทางเลือกที่ 3 ที่ทำเป็นทางลอดซึ่งฝั่งไปทางราไวย์จะทำเป็นทางลอด 2 ช่องจราจร ซึ่งรถจะวิ่งไปในทางเดียวกัน แนวทางเลือกที่ 6 เป็นสะพานคู่ขนาน จากฝั่งราไวย์ไปทางวัดฉลอง 2 ช่องทางจราจร ซึ่งจะสร้างเป็นสะพานข้าม และแนวทางเลือกที่ 7 สร้างสะพานคู่ขนานจากฝั่งถนนเจ้าฟ้าตะวันออก ไปทางราไวย์เป็นถนน 2 ช่องจราจร
      
       อย่างไรก็ตาม สำหรับแนวทางเลือกทั้งหมดนี้เป็นเพียงแนวทางเลือกเบื้องต้น ซึ่งจะมีการพิจารณาคัดเลือกให้เหลือเพียง 3 แนวทางเท่านั้น หลังจากได้ 3 แนวทางเลือกมาแล้วจะมีการจัดรับฟังความคิดเหตุของประชาชนที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับโครงการดังกล่าว ซึ่งจะมีการประชุมสัมมนารับฟังความคิดเห็นจำนวน 3 ครั้ง และมีการประชุมกลุ่มย่อย จำนวน 3 ครั้ง เพื่อให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากการพัฒนาโครงการ และประชาชนที่สนใจได้รับรู้ข้อมูลคำชี้แจงและเหตุผลของพัฒนาโครงการอย่างถูกต้องชัดเจน รวมทั้งเข้าใจขั้นตอนการการศึกษา และลำดับความสำคัญของการมีส่วนร่วมในโครงการ รวมทั้งเพื่อให้องค์กรภาครัฐ เอกชน ประชาชนได้ได้มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น และให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการพัฒนาโครงการโดยเฉพาะการมีส่วนร่วม

ข้อมูลจาก.. ASTV Manager ภาคใต้

วันพฤหัสบดีที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ผู้ว่าฯภูเก็ตติวเข้มเด็กเจ็ตสกี ลบภาพเอาเปรียบนักท่องเที่ยว



จังหวัดภูเก็ต ติวเข้มผู้ประกอบการเจ็ตสกี ทั้ง 6 หาด 286 ลำ ทั้งกฎหมาย และมารยาทการให้บริการ ด้านพ่อเมืองภูเก็ตงัด ยุทธวิธีพลิกฝ่ามือ” 5 ข้อลบภาพเจ็ตสกีเอาเปรียบนักท่องเที่ยวให้หมดไป
      
       วันที่ 29 ส.ค.56 ที่โรงแรมป่าตอง รีสอร์ท หาดป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดการอบรมโครงการคนประจำเรือเพื่อแก้ปัญหาร้องเรียนกรณีเจ็ตสกีในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต โดยมี นายวีระ เกิดศิริมงคล นายอำเภอกะทู้ นายวิชัย ขำคง ผู้อำนวยการเจ้าท่าภูมิภาคเขต 5 นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 สาขาภูเก็ต ประธานชมรมผู้ประกอบการเจ็ตสกี และผู้ให้บริการเจ็ตสกีทั้ง 6 หาดในภูเก็ต ซึ่งประกอบด้วย หาดกะตะ หาดกะรน หาดป่าตอง หาดกมลา หาดบางเทา และเกาะนาคา เข้าร่วม ซึ่งทางสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 สาขาภูเก็ต จัดขึ้น ระหว่างวันที่ 29-30 สิงหาคม 2556 นี้
      
       นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 สาขาภูเก็ต กล่าวว่า การอบรมคนประจำเรือเพื่อแก้ปัญหาร้องเรียนกรณีเจ็ตสกีในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตในครั้งนี้ ทางสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 สาขาภูเก็ต ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตในการให้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมาย กติกา และการให้บริการเจ็ตสกีแก่ผู้ประกอบการเจ็ตสกีทั้ง 6 หาดในภูเก็ต ที่มีให้บริการทั้งหมด 286 ลำ
      
       เพื่อลดปัญหาต่างๆ ด้านการร้องเรียนจากการให้บริการของเจ็ตสกี ทั้งในเรื่องของกฎหมาย หลักการเดินเรือ จราจรทางน้ำ มาตรฐานการให้บริการ มาตรฐานด้านความปลอดภัย รวมทั้งหลักการให้บริการที่ดีต่อนักท่องเที่ยว รวมทั้งเป็นการสร้างจิตสำนึกที่ดีให้การให้บริการ และป้องกันอุบัติเหตุจากการให้บริการเจ็ตสกี
      
       ด้านนายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ปัญหาการให้บริการเจ็ตสกีในภูเก็ตในรอบ 10 เดือนที่ผ่านมาไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น มีเพียงรายเดียวเท่านั้นที่เกิดเฉี่ยวชนเสียหายหนัก แต่ก็สามารถตกลงกันได้ ซึ่งที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวร้องเรียนไปยังสถานทูตถึงการให้บริการของเจ็ตสกี แต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อ 3 ปีที่แล้ว สิ่งเหล่านี้เป็นการทำลายภาพลักษณ์การให้บริการของเจ็ตสกี และการท่องเที่ยวของภูเก็ต ดังนั้น การรักษาภาพลักษณ์ของการให้บริการและการท่องเที่ยวของภูเก็ตเป็นสิ่งที่สำคัญที่เราทุกคนจะต้องร่วมมือกันรักษาไว้
      
       ในส่วนของผู้ประกอบการเจ็ตสกีนั้นอยากจะให้ปฏิบัติ 5 ประเด็นหลัก ดังนี้ คือ 1.ผู้ประกอบการจะต้องปฏิบัติตามกฎกติกาที่กำหนดไว้ 12 ข้อด้วยกัน เช่น ให้บริการได้ 6 หาด เรือคงที่ไว้ที่ 286 ลำ ทุกลำจะต้องทำประกันชั้นหนึ่งภาคสมัยใจ ทุกลำต้องสังกัดชมรมเจ็ตสกีแต่ละหาด เป็นต้น 2.ผู้ประกอบการจะต้องให้บริการด้วยความสุภาพ 3.ค่าบริการจะต้องเป็นธรรม ไม่โก่งราคา ไม่เอาเปรียบนักท่องเที่ยว ไม่สร้างความหนักใจให้แก่นักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการ 4.การใช้บริการจะต้องมีความปลอดภัย และ 5.ผู้ประกอบการจะต้องภาคภูมิใจในอาชีพของตนเอง
      
       นายไมตรี กล่าวในตอนท้ายว่า ทั้ง 5 ข้อนี้ ถือเป็นยุทธการพลิกฝ่ามือที่จะแก้ปัญหาการให้บริการของเจ็ตสกีทั้ง 6 หาดในภูเก็ต เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่เจ็ตสกี และภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของภูเก็ต
      
       สำหรับเจ็ตสกีในภูเก็ตนั้นมีทั้งหมด 286 ลำ ประกอบด้วย หาดกะตะ กะรน 38 ลำ หาดป่าตอง 170 ลำ หาดกมลา 26 ลำ หาดบางเทา 40 ลำ และเกาะนาคา 12 ลำ


ข้อมูลจาก.. ASTV Manager ภาคใต้

วันศุกร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ร้านหนังสือลอยน้ำใหญ่ที่สุดในโลกจอดเทียบท่าเรืออ่าวมะขามภูเก็ต



ผู้ว่าฯ ภูเก็ต ต้อนรับคณะผู้บริหาร และลูกเรือ Logos Hope พร้อมเยี่ยมชมร้านหนังสือลอยน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก หลังเข้าจอดเทียบท่าที่อ่าวมะขาม จ.ภูเก็ต ระหว่างวันที่ 15-22 ส.ค.นี้

           เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 15 ส.ค.56 ที่บริเวณท่าเทียบเรือน้ำลึก อ่าวมะขาม ถ.ศักดิเดช ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานพิธีเปิดงาน โครงการเรือ Logos Hope ร้านหนังสือลอยน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่เดินทางมาเทียบท่าใน จ.ภูเก็ต โดยมี Mr.Tom Dyer กัปตันเรือ Logos Hope และ Mr.Lloyd Nicholas ผู้อำนวยการเรือ Logos Hope ร่วมต้อนรับ พร้อมกับคณะลูกเรืออาสาสมัครมากกว่า 45 ประเทศ รวมจำนวนกว่า 400 คน
          โดยผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้เยี่ยมชมห้องสมุดที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นห้องสมุดลอยน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งมีหนังสือกว่า 5,000 รายการ ครอบคลุมทุกหมวดหมู่ นอกจากนี้ ยังมีห้องนิทรรศการถาวร ซึ่งจัดแสดงสิ่งที่มนุษย์ควรทำ หรือไม่ควรทำ เพื่อนำไปสู่การใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าร่วมกับเพื่อนมนุษย์บนโลกนี้ และห้องอาหาร ซึ่งมีอาหาร และเครื่องดื่มไว้สำหรับบริการแขกที่ขึ้นมาบนเรือ
          นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยว่า เป็นเรื่องที่ดีที่ จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวได้รับเลือกจากเรือ Logos Hope เนื่องจากเรือลำดังกล่าวเป็นศูนย์การเรียนรู้ ที่รวบรวมหนังสือที่มีคุณค่าจากทุกมุมโลก นำมาจำหน่ายให้แก่ประชาชนที่สนใจ รวมทั้งนักท่องเที่ยว อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้ทุกคนได้ขึ้นมาสัมผัสเรือขนาดใหญ่ เป็นการท่องเที่ยว และได้ความรู้ ที่สำคัญเรือ Logos Hope ยังเป็นการแบ่งปันการช่วยเหลือ และพัฒนาทางด้านสังคมให้แก่ทุกประเทศที่ได้เดินทางไป ดังนั้น จึงหวังว่าในอนาคตต่อไปเรือลำนี้จะกลับมาเยือนภูเก็ตอีกครั้ง
           ด้าน Mr.Tom Dyer กัปตันเรือ Logos Hope เปิดเผยว่า เรือลำนี้มีลูกเรือมากกว่า 45 ประเทศ จำนวนกว่า 400 คน ที่เข้ามาร่วม ซึ่งยอมอุทิศเวลาอันมีค่าจากครอบครัว อาชีพการงาน และสภาพแวดล้อมความเป็นอยู่ในบ้านเกิดของตน เพื่อที่จะแสดงให้สังคมได้เห็นถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันจากวัฒนธรรมที่หลากหลาย ซึ่งบางคนเข้ามาเป็นอาสาสมัครทำงานในหน้าที่ต่างๆ ภายในเรือ โดยเฉพาะความสามารถเฉพาะทาง เช่น วิศวกร ช่างซ่อมบำรุง เจ้าหน้าที่เดินระบบไฟฟ้า ช่างไม้ เจ้าหน้าที่บรรณารักษ์ พ่อครัว และตำแหน่งอื่นๆ อีกมากมาย และยังมีกลุ่มวัยรุ่นที่เข้ามาเป็นอาสาสมัคร โดยที่ยังไม่มีความสามารถพิเศษเฉพาะทางในด้านใด
                 ขณะที่ Mr.Lloyd Nicholas ผู้อำนวยการเรือ Logos Hope กล่าวว่า ตลอดระยะเวลากว่า 40 ปีที่ผ่านมา เรือ Logos Hope ได้ไปเยือนกว่า 45 ประเทศทั่วโลก และเทียบท่าเรือกว่า 70 แห่ง โดยมีการพัฒนาปรับปรุงระบบให้มีความทันสมัยอยู่ตลอดเวลา ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนานาประเทศ ทั้งนี้ การเดินทางไปตามสถานที่ต่างๆ นั้น เรือ Logos Hope ได้นำรายได้จากการจำหน่ายหนังสือเข้าช่วยเหลือในด้านต่างๆ โดยเฉพาะในประเทศที่ยังกันดาร มีประชาชนจำนวนมากยังขาดแคลนน้ำดื่ม หรือเครื่องอุปโภคบริโภค ดังนั้น จึงต้องให้ความช่วยเหลือ เพราะทุกคนต้องการความหวัง และพนักงานบนเรือดังกล่าวก็มีความหวังที่จะช่วยเหลือเช่นกัน
ส่วน น.ส.วาสนา บัวคำ พนักงานเรือ Logos Hope ซึ่งเป็นตัวแทนของคนไทยที่ร่วมมากับเรือ กล่าวว่า ได้เข้ามาทำงานบนเรือเป็นระยะเวลากว่า 6 เดือน โดยได้เดินทางไปหลายประเทศ เช่น ประเทศกัมพูชา อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีในชีวิต ซึ่งหลังจากเรียนจบมาก็ทำงานอื่นมาก่อน ทำได้ 6 ปี ก่อนจะตัดสินใจเข้าร่วมงานหลังเปิดเจอในเว็บไซต์ว่า มีเรือ Logos Hope มีแนวทางการที่จะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ จึงรู้สึกประทับใจ และตัดสินใจดังกล่าว และนอกจากจะได้ช่วยเหลือผู้อื่นแล้ว ยังได้ฝึกฝนการใช้ภาษาอังกฤษและภาษาอื่นๆ ไปในตัวอีกด้วย เพราะลูกเรือที่เป็นอาสาสมัครทั้งหมดที่มาจากหลากหลายประเทศ จึงทำให้ได้เรียนรู้ภาษา และเป็นการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมซึ่งกันและกัน
       จากนั้น ได้มีการจัดแสดงกิจกรรมพิธีเปิดภายในเรือ มีการแนะนำอาสาสมัครชาวต่างชาติ รวมทั้งพิธีแสดงการเต้นรำท้องถิ่นของประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งประชาชนจำนวนมากต่างให้ความสนใจ ก่อนคณะผู้บริหาร และกัปตันเรือดังกล่าวเดินทางร่วมตัดริบบิ้น พร้อมเปิดพิธีอย่างเป็นทางการ โดยมีประชาชน ทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก
      
       สำหรับเรือ Logos Hope จะเปิดบริการให้ผู้สนใจเข้าเยี่ยมชมที่ท่าเรือน้ำลึก อ่าวมะขาม จ.ภูเก็ต ระหว่างวันที่ 15-18 สิงหาคม 2556 และในวันที่ 21-22 สิงหาคม 2556 ซึ่งในวันอังคาร-วันเสาร์ เรือจะเปิดให้บริการเวลา 10.00-21.30 น. ส่วนในวันอาทิตย์ เรือจะเปิดให้บริการเวลา 13.00-21.30 น. ส่วนวันที่ 19-20 สิงหาคม 2556 นั้น เรือจะปิดให้บริการ โดยค่าบัตรผ่านประตูราคาท่านละ 20 บาท สำหรับเด็กที่มีอายุไม่เกิน 12 ปี สามารถเข้าชมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่ต้องมีผู้ปกครองดูแล


ข้อมูลจาก.. ASTV Manager ภาคใต้